Tech & Tools
Varnish Cache คืออะไร? ทำไมเว็บโหลดไวขึ้นเพราะมัน?
26 กันยายน 2568
46
3
Varnish Cache Diagram


Varnish Cache คืออะไร? ทำไมเว็บโหลดไวขึ้นเพราะมัน?

ถ้าคุณเคยหงุดหงิดกับเว็บที่โหลดช้า หรือกำลังมองหาโซลูชันที่ช่วยให้เว็บของคุณเร็วขึ้น Varnish Cache อาจเป็นคำตอบ! หลายเว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่าง The New York Times, Wikipedia และ Facebook ใช้ Varnish เพื่อเร่งความเร็วเว็บไซต์ แล้วมันทำงานยังไง? มันดีกว่าโซลูชันอื่นยังไง? มาหาคำตอบกัน!

แผนภาพการทำงานของ Varnish Cache

Varnish Cache คืออะไร?

Varnish Cache เป็น Reverse Proxy HTTP Accelerator หรือแคชพร็อกซี่ที่ช่วยให้เว็บโหลดเร็วขึ้นโดยการเก็บข้อมูลของหน้าเว็บไว้ที่หน่วยความจำแทนที่จะโหลดข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้ง พูดง่ายๆ คือแทนที่จะต้องไปดึงข้อมูลใหม่ทุกครั้ง Varnish จะดึงข้อมูลที่เก็บไว้แล้วมาให้แทน ทำให้เว็บโหลดได้เร็วสุดๆ!

แผนภาพ VCL Subroutine Flow

ทำไมต้องใช้ Varnish Cache?

เพิ่มความเร็วเว็บ – ลดเวลาโหลดหน้าเพจจากหลายวินาทีเหลือเพียงเสี้ยววินาที

ลดภาระเซิร์ฟเวอร์ – เซิร์ฟเวอร์ของคุณไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ลดโอกาสที่เว็บล่ม

รองรับ Traffic สูง – เหมาะกับเว็บที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก เช่น อีคอมเมิร์ซ, ข่าว

กำหนดค่าการแคชได้ยืดหยุ่น – สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับเว็บของคุณได้ง่ายผ่าน VCL

Varnish Cache vs. โซลูชันอื่นๆ

1. Varnish Cache vs. Nginx Caching

จุดเปรียบเทียบ Varnish Cache Nginx Caching
ความเร็ว เร็วมาก เพราะออกแบบมาเพื่อแคชโดยเฉพาะ เร็วแต่ไม่เท่า Varnish
การกำหนดค่า ยืดหยุ่นและสามารถใช้ VCL (Varnish Configuration Language) ใช้ Nginx Configuration ที่ยืดหยุ่นน้อยกว่า VCL
การใช้ทรัพยากร ใช้ RAM เป็นหลัก จึงเร็วสุดๆ ใช้ CPU และ RAM มากกว่า Varnish เล็กน้อย
เหมาะสำหรับ เว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่ต้องการปรับแต่งแคชอย่างละเอียด เว็บทั่วไปที่ต้องการแคชแบบพื้นฐาน

2. Varnish Cache vs. Cloudflare CDN

จุดเปรียบเทียบ Varnish Cache Cloudflare CDN
การแคช ทำงานที่ระดับเซิร์ฟเวอร์ (Server-side) ทำงานที่ระดับเครือข่าย (Edge-side)
การลดภาระเซิร์ฟเวอร์ ดีมาก (ลดภาระเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง) ดีเยี่ยม เพราะมีเซิร์ฟเวอร์กระจายทั่วโลก
การตั้งค่า ต้องมีความรู้ด้านเซิร์ฟเวอร์ ตั้งค่าง่ายผ่าน UI ของ Cloudflare
เหมาะกับ เว็บไซต์ที่ต้องการความเร็วสูงและควบคุมแคชได้ละเอียด เว็บที่ต้องการ CDN และการป้องกัน DDoS

3. Varnish Cache vs. Redis Cache

จุดเปรียบเทียบ Varnish Cache Redis Cache
ประเภทของแคช HTTP Cache (แคชทั้งหน้าเว็บ) Database Cache (แคชข้อมูล)
การใช้งาน แคชหน้าเว็บและไฟล์สื่อ แคชข้อมูลที่มาจากฐานข้อมูล
ความเร็ว เร็วสำหรับการโหลดหน้าเว็บ เร็วสำหรับดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล
เหมาะกับ เว็บที่ต้องการลดเวลาโหลดหน้าเว็บ แอปพลิเคชันที่ต้องการลดโหลดของฐานข้อมูล

Varnish Cache: Free vs. Paid

Varnish มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเสียเงิน (Varnish Plus) โดยมีความแตกต่างกันดังนี้:

ฟีเจอร์ Varnish Cache (ฟรี) Varnish Plus (เสียเงิน)
แคชพื้นฐาน
การสนับสนุนจากทีม Varnish
การเข้ารหัสข้อมูล (SSL/TLS)
(ต้องใช้ร่วมกับ Proxy อื่น)
(รองรับ natively)
การวิเคราะห์ข้อมูลแคช

สรุป:

ถ้าคุณเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการการซัพพอร์ตระดับ Enterprise และฟีเจอร์พิเศษ Varnish Plus อาจคุ้มค่า แต่สำหรับเว็บทั่วไป Varnish Cache เวอร์ชันฟรี ก็เพียงพอแล้ว

Varnish Cache บน Windows vs. Linux

Varnish Cache ใช้งานได้ดีที่สุดบน Linux เพราะระบบนี้เหมาะสมกับการทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์และให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด นี่คือตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย:

คุณสมบัติ Varnish บน Windows Varnish บน Linux
การติดตั้ง ติดตั้งยากกว่า, ไม่มีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการสำหรับ Windows การติดตั้งง่ายกว่า, รองรับโดยตรงจาก Varnish
ประสิทธิภาพ อาจช้ากว่า เนื่องจาก Windows ไม่เหมาะสมกับการใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์ ประสิทธิภาพดีกว่า เนื่องจาก Linux ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานเซิร์ฟเวอร์
ความเสถียร อาจไม่เสถียรเท่า Linux, เพราะ Varnish ไม่รองรับ Windows อย่างเต็มที่ เสถียรกว่า, Linux เป็นระบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ Varnish
การสนับสนุน การสนับสนุนค่อนข้างจำกัด การสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Varnish, มีชุมชนที่ใหญ่กว่า

สรุป:

หากคุณต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน Varnish Cache ควรเลือกใช้บน Linux.

Varnish Cache เหมาะกับใคร?

  • เว็บข่าว, อีคอมเมิร์ซ หรือเว็บที่มีผู้เข้าชมเยอะ (High-traffic websites)
  • นักพัฒนาและ DevOps ที่ต้องการปรับแต่งแคชอย่างละเอียดด้วย VCL
  • เว็บที่ต้องการโหลดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์หลัก
Related Content

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม