Web Gov
มาดูกันว่า ...ทำไม? ทำเว็บไซต์ภาครัฐ จะยากตรงไหน..
28 กันยายน 2568
129
12

ภาพประกอบ: ทำไมการพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐจึงมีค่าใช้จ่ายสูง
ทำไมการพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐจึงมีค่าใช้จ่ายสูง?

การพัฒนาเว็บไซต์สำหรับหน่วยงานภาครัฐมักมีค่าใช้จ่ายที่สูง เนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เข้มงวด เพื่อให้บริการที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ง่าย และมีประสิทธิภาพสำหรับประชาชน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อต้นทุนในการพัฒนา

1. มาตรฐานและการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance & Standards)

ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่ซับซ้อนเพื่อให้เว็บไซต์ของรัฐเชื่อถือได้และเข้าถึงได้โดยทุกคน

การปฏิบัติตามมาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ
เว็บไซต์ภาครัฐต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์มีความปลอดภัย เข้าถึงได้ง่าย และให้บริการที่มีคุณภาพ
มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัย สกมช. และ OWASP
การปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ที่กำหนดโดย สกมช. และ OWASP Top 10 เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์และช่องโหว่ที่พบบ่อย
มาตรฐาน WCAG 2.x (Accessibility)
ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน Web Content Accessibility Guidelines (WCAG) เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคน รวมถึงผู้ที่มีความบกพร่อง สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ได้
การปฏิบัติตามมาตรฐาน PDPA และ ISO 27001
เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามข้อกำหนดด้าน PDPA และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐานสากล ISO 27001

2. ความมั่นคงปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐาน (Security & Infrastructure)

การลงทุนในระบบเพื่อรับรองความพร้อมใช้งานสูง (HA) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการจัดการข้อมูลปริมาณมาก

Web Application Firewall (WAF)
ต้องใช้ WAF เพื่อป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น SQL Injection, XSS ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญของเว็บไซต์ภาครัฐ
การจัดการข้อมูลจำนวนมากและ Data Encryption
เว็บไซต์ภาครัฐมักจัดการกับข้อมูลที่หลากหลายและมีปริมาณมาก ซึ่งต้องการโครงสร้างที่รองรับการประมวลผล และต้องทำ Data Encryption เพื่อป้องกันการรั่วไหล
High Availability (HA) และ Load Balancing
เพื่อให้เว็บไซต์สามารถให้บริการได้ตลอดเวลาโดยไม่มี Downtime จำเป็นต้องใช้ระบบที่มีการกระจายโหลด (Load Balancer) และสำรองข้อมูลอย่างเหมาะสม
การสำรองข้อมูลและแผนกู้คืน (Backup & DR)
ต้องมีระบบสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติและแผนกู้คืนข้อมูลกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน (Disaster Recovery Plan) เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีข้อมูลสูญหาย
การใช้ CDN และ Cloud Technology
การใช้ Content Delivery Network (CDN) เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ และการใช้ Cloud เพื่อความยืดหยุ่นในการขยายระบบ
การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Management)
การแยกสภาพแวดล้อมการพัฒนา (Dev), การทดสอบ (UAT), และการใช้งานจริง (Production) เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

3. การพัฒนาและการบูรณาการระบบ (Development & Integration)

ความซับซ้อนในการเชื่อมโยงระบบ การจัดการโค้ด และการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย

การใช้เครื่องมือจัดการโค้ด (Version Control)
การใช้เครื่องมือสำหรับการควบคุมเวอร์ชันและการทำงานร่วมกันของทีมพัฒนา เช่น GitLab หรือ Jenkins เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของโค้ด
การบูรณาการระบบกับหน่วยงานอื่น ๆ
การเชื่อมโยงและบูรณาการระบบผ่าน API กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ เพื่อให้บริการที่ครบวงจรและลดความซ้ำซ้อน
การพัฒนาระบบ Single Sign-On (SSO)
เว็บไซต์ภาครัฐมักต้องรองรับการใช้งานร่วมกับระบบ SSO เพื่อลดภาระของผู้ใช้ในการเข้าสู่ระบบหลายแพลตฟอร์ม
การรองรับหลายภาษา
หน่วยงานภาครัฐอาจต้องรองรับภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนในการพัฒนา

4. ประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดการเนื้อหา (UX/Content Management)

การลงทุนเพื่อให้เว็บไซต์ใช้งานง่าย น่าสนใจ และเนื้อหามีความทันสมัยอยู่เสมอ

การออกแบบ UX/UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้
การออกแบบ UX/UI ที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้การใช้งานเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่นและน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย
ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System - CMS)
การพัฒนาระบบ CMS ที่ใช้งานง่าย มีฟังก์ชันการจัดการเวอร์ชัน และการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถอัปเดตเนื้อหาได้เอง
การสำรวจ วิเคราะห์ความต้องการ และ Data Analytics
การสำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงการให้บริการ รวมถึงการใช้เครื่องมือ Data Analytics (เช่น Google Analytics) เพื่อติดตามพฤติกรรม
การพัฒนาระบบ Chatbot และ AI
การพัฒนาระบบ Chatbot เพื่อให้บริการข้อมูลอัตโนมัติ และการใช้ AI ในการจัดการหรือวิเคราะห์ข้อมูล

5. การบริหารจัดการและประกันคุณภาพ (Management & Quality Assurance)

ค่าใช้จ่ายในการทดสอบอย่างเข้มงวด การบำรุงรักษาต่อเนื่อง และการจัดการโครงการ

การทดสอบและประเมินผลที่ครอบคลุม
การทดสอบหลายด้าน เช่น การใช้งาน, ความปลอดภัย (Penetration Testing), ประสิทธิภาพ (Load Testing), และการทดสอบความเข้ากันได้กับเบราว์เซอร์ (Cross-Browser Testing)
การออกแบบที่ตอบสนองต่อผู้ใช้ (Responsive Design)
การออกแบบที่สามารถปรับตัวได้กับอุปกรณ์และขนาดหน้าจอที่หลากหลาย (Mobile First) เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกสบาย
การจัดทำ SLA และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) และการจัดทำเอกสาร เช่น นโยบายความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามกฎหมาย
การบำรุงรักษาและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
การบำรุงรักษาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหา ปรับปรุงประสิทธิภาพ และอัปเดตเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
การฝึกอบรมบุคลากร (Training)
การฝึกอบรมทีมงานให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการพัฒนา ดูแลเว็บไซต์ และการทำ Cybersecurity Awareness Training

สรุปภาพรวม

หัวใจสำคัญของต้นทุนที่สูง:

เว็บไซต์ภาครัฐมีต้นทุนสูงเนื่องจากต้องคำนึงถึง ความปลอดภัย ความเสถียร และ การปฏิบัติตามมาตรฐาน ที่เข้มงวดกว่าเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ทั่วไปมาก

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จึงเป็น การลงทุนที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการดิจิทัลที่มี คุณภาพสูง ปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประนีประนอมได้สำหรับบริการสาธารณะ

Related Content

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม