Tech & Tools
รู้จัก Kubernetes Cluster และเปรียบเทียบกับ Solutions อื่นๆ อีก 5 แบบ
27 กันยายน 2568
57
5

Kubernetes Cluster Diagram รู้จัก Kubernetes Cluster และเปรียบเทียบกับ Solutions อื่นๆ อีก 5 แบบ

ถ้าคุณกำลังสนใจเรื่อง Kubernetes และอยากเข้าใจโครงสร้างการทำงานของ Cluster จริง ๆ วันนี้เราจะพามาดูโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาให้รองรับระบบ API และเว็บไซต์หลากหลาย พร้อมทั้งใช้ nginx ingress และ Varnish Cache เพื่อช่วยในการกระจายโหลดและแคชข้อมูล

โครงสร้างของ Kubernetes Cluster ตามภาพ

จากโครงสร้างที่ออกแบบมา ระบบนี้อยู่ใน Private Network และใช้ Kubernetes Cluster ที่มี 3 Nodes (VM1, VM2, VM3) ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์หลักในการรันระบบ โดยมีองค์ประกอบหลักดังนี้:

1
ผู้ใช้ (User) และการเข้าถึงระบบ
  • ผู้ใช้งานเริ่มต้นเชื่อมต่อผ่าน Firewall ซึ่งช่วยป้องกันและกรองทราฟฟิกไม่พึงประสงค์ก่อนเข้าสู่ระบบ
  • คำขอ (Request) จะถูกส่งไปยัง nginx ingress ซึ่งเป็น Gateway สำหรับจัดการทราฟฟิกของ Kubernetes
2
การทำงานของ nginx ingress
  • nginx ingress เป็นตัวกำหนดเส้นทาง (Routing) ว่า Request แต่ละตัวควรส่งไปที่ไหนใน Cluster
  • จากนั้นจะส่งคำขอไปยัง Varnish Cache เพื่อช่วยเร่งความเร็วการโหลดข้อมูล
3
Varnish Cache – ตัวช่วยลดโหลดของระบบ
  • มีหน้าที่แคชข้อมูลที่ร้องขอบ่อย ๆ เพื่อให้ระบบสามารถตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น และลดภาระของเซิร์ฟเวอร์จริง
  • ถ้าข้อมูลมีอยู่ในแคช Varnish จะส่งกลับไปยังผู้ใช้ทันที โดยไม่ต้องโหลดจากแหล่งข้อมูลหลัก
  • ถ้าไม่มีในแคช คำขอจะถูกส่งไปยัง API หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
4
การกระจายโหลดไปยัง API และเว็บไซต์

หลังจากคำขอผ่าน Varnish Cache ระบบจะเลือกส่งไปยังปลายทางที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเป็น:

  • API 1 และ API 2 สำหรับให้บริการข้อมูลต่าง ๆ
  • Other API สำหรับระบบเสริมอื่น ๆ
  • Main site ซึ่งเป็นเว็บไซต์หลัก
  • Mini site และ Other site สำหรับบริการอื่น ๆ
5
การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล (Database Server)
  • ระบบยังมี Database Server (VM4) ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลหลัก
  • API และเว็บไซต์ต่าง ๆ จะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อภายใน Private Network

ข้อดีของโครงสร้างนี้ (Kubernetes + nginx + Varnish)

  • ความปลอดภัยสูง – เนื่องจากระบบอยู่ใน Private Network และมี Firewall คอยกรองทราฟฟิก
  • โหลดบาลานซ์ดีขึ้นnginx ingress และ Varnish Cache ช่วยกระจายโหลดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประสิทธิภาพสูง – Varnish Cache ลดเวลาตอบสนองของเว็บไซต์และ API ได้ดีมาก
  • รองรับหลายบริการ – สามารถให้บริการ API และเว็บไซต์หลายส่วนได้ใน Cluster เดียวกัน

ตารางเปรียบเทียบ Kubernetes Cluster กับ 5 โซลูชันฟรี

โซลูชัน ข้อดี (Pros) ข้อเสีย (Cons)
Kubernetes + nginx ingress + Varnish Cache
รองรับโหลดสูง, ความปลอดภัยสูง, ปรับขยายง่าย
ต้องใช้ทรัพยากรมาก, การตั้งค่าเริ่มต้นซับซ้อน
Kubernetes + Traefik + Redis Cache
โหลดบาลานซ์ดีขึ้น, รองรับ ACME SSL อัตโนมัติ
ต้องเรียนรู้การตั้งค่า Traefik, Redis อาจต้องเพิ่มหน่วยความจำ
Docker Swarm + Nginx Proxy + Memcached
ติดตั้งง่ายกว่า Kubernetes, ใช้ทรัพยากรน้อย
ขาดฟีเจอร์อัตโนมัติบางอย่าง, ไม่รองรับการขยายตัวระดับสูง
Nomad + Caddy + SQLite
เบาและเร็ว, ใช้งานง่าย
ไม่เหมาะกับงานขนาดใหญ่, SQLite ไม่เหมาะกับข้อมูลปริมาณมาก
OpenShift OKD + HAProxy + PostgreSQL
ใช้ฟีเจอร์ OpenShift ฟรี, PostgreSQL รองรับการขยายตัว
OpenShift มีการตั้งค่าที่ยุ่งยากกว่า Kubernetes
LXC Containers + Apache Traffic Server + MariaDB
ใช้ทรัพยากรน้อย, ปรับแต่งง่าย
ต้องการความรู้เกี่ยวกับ LXC, ไม่เหมาะกับระบบขนาดใหญ่

สรุป (Key Takeaways)

Kubernetes Cluster ที่มีการออกแบบตามโครงสร้างนี้ เหมาะสำหรับระบบที่มี API และเว็บไซต์หลายตัว พร้อมทั้งต้องการประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด การใช้ nginx ingress และ Varnish Cache ช่วยทำให้ระบบเร็วขึ้น และสามารถขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้ Free Version คุณสามารถเลือกใช้ Traefik, Redis, Docker Swarm, Nomad, HAProxy และอื่น ๆ ที่แนะนำมาเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและขนาดของงานของคุณ

Related Content

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม