Load Balancing: เทคนิคกระจายโหลดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
ในโลกของระบบเครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์ การกระจายโหลด (Load Balancing) เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้ระบบสามารถรองรับปริมาณทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังจัดการกับแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้จำนวนมาก Load Balancer คือสิ่งที่คุณต้องรู้จัก!
Load Balancing คืออะไร?
Load Balancing เป็นกระบวนการกระจายคำขอจากไคลเอนต์ไปยังหลายเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันไม่ให้เซิร์ฟเวอร์ใดเซิร์ฟเวอร์หนึ่งรับโหลดมากเกินไป ทำให้ระบบมีเสถียรภาพและสามารถรองรับปริมาณทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นได้
ประเภทของ Load Balancer
Hardware Load Balancer
ใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น F5, Citrix NetScaler เพื่อกระจายโหลด ให้ประสิทธิภาพสูง
Software Load Balancer
ใช้ซอฟต์แวร์ เช่น Nginx, HAProxy, Traefik ทำหน้าที่กระจายโหลด มีความยืดหยุ่นสูง
Cloud-based Load Balancer
ให้บริการผ่านคลาวด์ เช่น AWS ELB, Google Cloud Load Balancer สะดวกในการจัดการและปรับขนาด
กลยุทธ์การกระจายโหลด (Load Balancing Algorithms)
Round Robin
กระจายคำขอแบบวนลูปไปยังเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวอย่างเท่าเทียมกัน
Least Connections
ส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีการใช้งาน (connection) ต่ำที่สุดในขณะนั้น
IP Hash
ใช้ค่าแฮชของ IP ไคลเอนต์เพื่อล็อกให้ไคลเอนต์เดิมส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์เดิม
Weighted Round Robin
กำหนดน้ำหนักให้เซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวตามความสามารถของฮาร์ดแวร์ก่อนกระจายโหลดแบบวนลูป
Load Balancer vs Reverse Proxy
Feature | Load Balancer | Reverse Proxy |
---|---|---|
หน้าที่หลัก | กระจายโหลดไปยังหลายเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ | ป้องกันเซิร์ฟเวอร์จากการเข้าถึงโดยตรง และเพิ่มความปลอดภัย/แคช |
การใช้งาน | ใช้ในระบบที่มีหลายเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับโหลดและ High Availability | ใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย, การแคช, SSL Termination, และเป็นจุดเดียวในการเข้าถึง |
ตัวอย่างเครื่องมือ | AWS ELB, HAProxy, Nginx (ในโหมด LB) | Nginx, Cloudflare, Apache |
เมื่อไหร่ควรใช้ Load Balancer?
ข้อพิจารณาสำคัญ: การนำ Load Balancer มาใช้จะช่วยแก้ปัญหาหลักเหล่านี้:
- หากมีผู้ใช้จำนวนมากและต้องการกระจายโหลดเพื่อลดภาระของเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัว
- ต้องการเพิ่มความเสถียรของระบบ (High Availability)
- ต้องการป้องกันการล่มของระบบหากเซิร์ฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งล้มเหลว (Fault Tolerance)